วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

การดวลที่ Stalingrad กับ การดวลของบริษัท Action Figure

(เรื่องเดียวกับที่เขียนไว้ที่ http://iseehistory.socita.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711151&Ntype=1)

เรื่อง Enemy at the Gates หรือในชื่อภาษาไทยว่า "กระสุนสังหารพลิกโลก" เรื่องราวการดวลกันระหว่างพลแม่นปืนหรือสไปเปอร์ (Sniper) รัสเซียกับเยอรมัน เป็นหนังเรื่องแรกๆ ที่ผมเริ่มเขียนแนะนำมาตั้งแต่ยังเขียนบทความภาพยนตร์ประวัติศาสตร์ใน Blogth.com ซึ่งตอนนั้นไม่ได้เน้นรายละเอียดอะไรมาก เรื่องย่อจะย่อยิ่งกว่าบทความรุ่นหลังๆ และมักจะใส่แต่ภาพปกหนังเป็นภาพประกอบเพียงภาพเดียว เคยนำบทความรุ่นเก่าพวกนี้มาเติมภาพเติมเนื้อหาบางจุด แต่ก็ยังทำได้ไม่หมด เพราะไหนจะภารกิจด้านอื่น ไหนจะห่วงเรื่องเขียนบทความเรื่องใหม่

แม้ ภาพยนตร์เรื่องนี้จะสร้างความประทับใจให้กับคนดูจำนวนไม่น้อยจากการดวล ไหวพริบกันระหว่างสไนเปอร์ทั้งสอง แทนการยิงกันหูดับตับไหม้ระเบิดตูมตามดังที่ปรากฏในหนังเรื่องอื่นอีกหลาย เรื่อง แต่ชื่อหนังทั้งภาษาไทยและอังกฤษกลับไม่ค่อยเป็นที่ติดปากหรือคุ้นหูแฟนๆ หนังสงครามสักเท่าไหร่ เคยมีการเข้ามาถามในเว็บบอร์ด "คุยกันหลังฉาก" มา 2-3 ครั้งแล้ว ว่าได้หนังที่สไนเปอร์รัสเซียกับเยอรมันนั่นมีชื่อว่าอะไร ย้ำอีกทีนะครับว่าชื่อภาษาอังกฤษ คือ "Enemy at the Gates" ชื่อภาษาไทย คือ "กระสุนสังหารพลิกโลก" พระเอกซึ่งเป็นรัสเซียเป็นแค่พลทหารมีชื่อว่า วาซิลี ไซต์เซฟ (Vasily Grigorevich Zaytsev หรือบางทีก็เขียนว่า Zaitsev) ฝ่ายผู้ร้ายเป็นเยอรมัน มีชื่อว่า พันตรีเออร์วิน เคอนิก (Major Erwin König)

การดวลกันในเมืองสตาลินกราดนั้นจบไปแล้วหลายสิบปี หนัง Enemy at the Gates ก็จบไปหลายปีแล้ว แต่ความประทับใจของผู้ชมทั้งในหนังโรงและหนังแผ่นยังไม่มีทีท่าว่าจะจบ จึงไม่แปลกที่จะทำให้ผู้ผลิตสินค้าที่เกี่ยวข้องเกิดไอเดียเด็ดๆ ขึ้นมา นั่นคือ Action Figure หรือหุ่นจำลองขนาด 1/6 ที่มีความสูง 12 นิ้ว สามารถผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าและสิ่งของต่างๆ คล้ายการแต่งตัวตุ๊กตาที่ผู้หญิงเล่น แต่มีการจำลองแบบย่อส่วนอย่างเป็นมาตรฐาน ตอนนี้มีบริษัทที่ผลิต Action Figure ดังๆ ประกาศเปิดตัว Figure ของ Vasily Zaitsev และ Erwin König ออกมาประชันกันถึง 2 บริษัท คือ DID (Dragon in Dream) และ Toys City ลองมาดูภาพตัวอย่างของ Figure ของตัวละครทั้งสองตัว ผลิตจาก 2 บริษัท รวมเป็น 4 ตัว กันสักหน่อยนะครับ




หน้าตาของพระเอกจากผลงานของ DID


ดูกันเต็มๆ ตัว

ดูภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.onlinedid.com/products/wwii_ussr/80072/




หน้าตาของผู้พันเคอนิกจากผลงานของ DID


ภาพเต็มๆ ตัว

ดูภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.onlinedid.com/products/wwii/80071/




หน้าตาพระเอกของทางฝั่ง Toys City


ดูภาพเต็มตัวกันบ้าง

ดูภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.toyscity.com.cn/productshow.asp?articleid=332




หน้าตาของทางผู้ร้าย ผลงาน Toys City


ภาพเต็มตัวเต็มยศ

ดูภาพทั้งหมดได้ที่ http://www.toyscity.com.cn/productshow.asp?articleid=331

จะเห็นว่าทางฝั่งของ DID จะทำหน้าตาได้เหมือนตัวแสดงในภาพยนตร์มากกว่า ทาง Toys City ที่ตกเป็นรองในด้านนี้ แต่ผลงานก็ยังจัดว่าเนี้ยบ ใส่หมวกแล้วก็ดูแทบไม่ต่างกัน ความละเอียดของเสื้อผ้าและอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ก็ดูพอๆ กัน ถ้าไม่ยึดติดว่าต้องหน้าตาเหมือนตัวละครในภาพยนตร์แล้ว เลือกลำบากเหมือนกันครับ

ขณะที่เขียนบทความนี้ผลิตภัณฑ์ของทั้ง สองบริษัทยังเพียงแต่เปิดตัวให้สั่งจองเท่านั้นนะครับ ราคาใกล้เคียงกันคือประมาณ 80 กว่าเหรียญ ราคาเต็มๆ ไปดูกันตามเว็บของผู้จำหน่ายอย่าง Monkey Depot, Cotwold Collectibles ฯลฯ กันเอาเองนะครับ ค่าส่งอีกต่างหาก แล้วคูณด้วยค่าเงินประมาณ 33-34 บาทอีกที หรือหากภายหลังจะมีการนำเข้ามาในร้านแถวภิรมย์พลาซ่าย่านสะพานเหล็กใน สนนราคาเท่าไหร่ก็ส่งข่าวกันได้ คำเตือน! การดวลกันของ 2 บริษัทครั้งนี้อาจเป็นอันตรายต่อเงินในกระเป๋าของท่าน แต่ถ้าเงินถึงและสนใจจริงๆ ก็ว่ากันไปครับ

วันเสาร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

สารคดีประวัติศาสตร์ : "ยานอนหลับ" หรือ "อาหารสมอง"



(เรื่องเดียวกับที่เขียนไว้ที่ http://iseehistory.socita.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538711150&Ntype=1)


นับแต่เปิดเว็บภาพยนตร์ประวัติศาสตร์มา นำเสนอทั้งประเภทที่เป็นภาพยนตร์บันเทิงและสารคดีมาพอสมควร ช่วงแรกๆ มีคนวิจารณ์กลับว่าผมวิจารณ์ภาพยนตร์บันเทิงแบบจริงจังไป โดยอ้างว่ามันไม่ใช่ "สารคดี" แล้วภาพยนตร์ที่ถามหากันอยู่หลายเรื่อง เหมือนจะไม่มีสารคดีรวมอยู่ด้วย

แล้ว สารคดีมันเลวร้ายอะไรนักหรือ? ก็คงเช่นเดียวกับภาพยนตร์ทุกประเภท ที่มีทั้งเรื่องดีๆ และที่อาจมีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น นำเสนอไม่ดี ข้อมูลขาดเกิน ฯลฯ แต่ในภาพรวมแล้ว สารคดีย่อมเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ได้ตรงไปตรงมามากกว่าภาพยตร์บันเทิง เมื่อดูแล้วแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่า เหตุการณ์หรือเนื้อหาในหนังเป็นจริงหรือไม่ นอกจากเรื่องที่นำเสนอทฤษฎีใหม่ๆ ค้านความเชื่อเดิมๆ หรือสมมติฐานที่นักประวัติศาสตร์เองก็ยังถกเถียงกันไม่ลงตัว เช่น เรื่อง The True Story of Marco Polo ที่ส่วนใหญ่เดินเรื่องตามสมมติฐานของ Fraces Wood ที่ว่า มาร์โคโปโล อาจจะไม่เคยไปเมืองจีนจริงๆ หรือตัวเขาอาจจะไม่มีตัวตนจริงๆ ด้วยซ้ำ หรือหนังสารคดีเกี่ยวกับอิยิปต์โบราณบางเรื่องที่ถกกันเรื่องศพของพระนาง เนเฟอร์ติตีบ้าง ศพพระนางคลีโอพัตราบ้าง ฯลฯ

แต่โดยธรรมชาติของคนเรา ลึกๆ จะว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนไทยหรือไม่ก็แล้วแต่ มักไม่ค่อยชอบให้ใครมาสอนอะไรตรงๆ และโดยปกติก็ไม่มีใครเอาหนังสารคดีมาโฆษณาหวือหวาอยู่แล้ว สารคดีไม่ว่าจะเรื่องประวัติศาสตร์หรือเรื่องอะไรจึงกลับกลายเป็นยาหม้อใหญ่ ของคนส่วนใหญ่ไป

2-3 คืนก่อน ผมเกิดอาการนอนไม่หลับอย่างที่มักจะเกิดขึ้นบ่อยๆ เดิมเคยใช้วิธีการสารพัดสารเพ เช่น เอาเพลงบรรเลงมาเปิดบ้าง ลุกขึ้นมาทำอะไรสักพักก่อนจะกลับไปนอนต่อบ้าง แต่คืนนั้นเกิดความคิดแว่บขึ้นมาว่า จะเอาแผ่น DVD รวมสารคดี 4 เรื่อง ซึ่งมีภาพหน้าปกที่ปรากฏอยู่ข้างบนมาลอง "ฟัง" ดูสักครั้ง ย้ำว่าเอามาเปิดฟังนะครับ ไม่ใช่เปิดดู เพราะถ้าลืมตาดูไม่รู้จะตาค้างหรือเปล่า และสารคดีหลายเรื่องก็เป็นการบรรยายตลอดจนสามารถปิดตาฟังได้จริงๆ แผ่น DVD ดังกล่าวมีสารคดี 4 เรื่องที่มีชื่อภาษาไทยดังนี้

1. ฮิตเลอร์ ผู้สร้างชาติพันธุ์ชั้นเลิศ
2. เหมาเจ๋อตุง จักรพรรดิแดง
3. เช กูวารา นายแพทย์นักปฏิวัติ
4. เจียงไคเช็ค จอมพลแห่งแผ่นดินจีน

เรื่องที่ 1 กับเรื่องที่ 3 นั้น เคยดูเวอร์ชัน VCD มาแล้ว เรื่องที่ 3 เคยนำมาเขียนแล้วด้วยที่ http://www.iseehistory.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5345984&Ntype=3 คืนนั้นกะว่าถ้ายังนอนไม่หลับก็ดีไปอย่าง จะได้ "ฟัง" เรื่องที่ 2 กับ 4 ซึ่งยังไม่เคยดูและเกี่ยวกับบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์จีนช่วงสงครามโลกจน ถึงต้นยุคสมัยใหม่ที่น่าสนใจถึง 2 ท่าน ซึ่งเป็นคู่อริที่ขับเคี่ยวชิงอำนาจกันมานานซะด้วย แต่ถ้าเสียงผู้บรรยายจะมีมนต์สะกดที่ช่วยให้หลับพักผ่อนได้ ก็ดีไปอีกแบบ

ผลคือคืนนั้นหลับๆ ตื่นๆ ตลอด ซึ่งที่จริงรวมเวลาที่ "หลับ" ถือว่าได้พักผ่อนพอที่่จะทำงานในวันรุ่งขึ้นได้ แต่ที่แย่คือ มักจะ "ตื่น" ในช่วงของภาพยนตร์เรื่องที่ดูแล้ว พอถึงเรื่องของประธานเหมากับนายพลเจียงดัน "หลับ" เป็นส่วนใหญ่ มีได้ยินเสียงในช่วง "ตื่น" บ้างนิดหน่อย

วัน นั้นกลับจากทำงานมาถึงบ้านหลังจากกินข้าวเย็นแล้ว ตอนหัวค่ำเลยเอาแผ่น DVD ที่ว่ามาเปิดดูกับคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงาน โดยเลือกดูเฉพาะเรื่อง "เหมาเจ๋อตุง จักรพรรดิแดง" กับ "เจียงไคเช็ค จอมพลแห่งแผ่นดินจีน" เพื่อให้หายแค้น เอ๊ย! เพื่อเป็นการชดเชย

ส่วนการจะนำทั้ง 2 เรื่องมาเขียนแนะนำเมื่อไหร่ คงไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ ความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบทีหลังครับ